ปลัดคำศรี...สิบห้าปีรำลึก
โดย ป.ยุทธ
ภายในที่ทำการ อบต.หนองผักบุ้ง ปลัดคำศรีนั่งเก้าอี้หมุนไปทางหน้าต่างหลังจากเซ็นแฟ้มเสร็จแล้ว ในมือถือเอกสารหนังสือเชิญชวนเข้ารับการสัมมนา 15 ปีปลัด อบต.กับการพัฒนาท้องถิ่นขึ้นมาดูเป็นครั้งที่ 2 เขาควรจะไปร่วมงานดีไหมหนอ หรือจะเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ดี
15 ปีที่มาดำรงตำแหน่งปลัด อบต. ณ ที่แห่งนี้ ตั้งแต่บรรจุถึงปัจจุบันเขาไม่เคยย้ายไปไหน และคิดว่าสะกดคำว่าย้ายไม่เป็นซะด้วย จะลำบากยากเย็น ปัญหาจะรุมเร้าแค่ไหนก็แก้ไขมันไป จนบางเบาและหมดไปในที่สุด
ก็ในเมื่อบ้านอยู่ที่นี่แล้วจะให้ย้ายไปไหน ก็ต้องอยู่ที่นี่อยู่จนเกษียณเพื่อพัฒนาที่นี่ให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมท้องถิ่นอื่นๆ
หลายต่อหลายครั้งที่เขาอดคิดถึงอดีตไม่ได้ อดีตที่ได้มีโอกาสก้าวเข้ามานั่งเก้าอี้ปลัด อบต. บางครั้งแทบไม่เชื่อว่ามาได้ยังไงเพราะเส้นทางที่ผ่านมามันช่างมืดมนเสียเหลือเกิน
มีผู้กล่าวไว้ว่า “อดีตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริง” ก็ตามทีแต่จนแล้วจนรอดเขายังอดคิดถึงมันไม่ได้
ผู้ที่ก้าวมาเป็นปลัด อบต. ยุคนั้นไม่มีระบบอุปถัมภ์เหมือนทุกวันนี้ ทุกคนได้มาเพราะความสามารถล้วนๆ
คำศรีเป็นคนบ้านหนองผักบุ้งโดยกำเนิด พ่อเสียตั้งแต่เขายังเด็ก เขาเหลือแม่กับพี่สาวที่ช่วยกันทำไร่ทำนาเช่นเดียวกับชาวบ้านทั่วๆ ไป
เขาจบ ชั้นประถมในหมู่บ้านและเรียนต่อมัธยมในตัวอำเภอ วิถีชีวิตของเขาก็คือชาวนาตามบรรพบุรุษ ไม่คิดทะเยอทะยานไปเป็นอย่างอื่น เพราะคิดไปมันมืดแปดด้าน หนทางตัน เพราะการเรียนต่อในระดับปริญญาต้องใช้เงินก้อนโต เมื่อจบ ม.ปลายจึงออกมาทำนา เป็นเกษตรกรที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ
พี่สาวแต่งงานไป พี่เขยมาช่วยงานอีกแรง งานในไร่นาไม่มีอะไรมาก ทำงานไปตามฤดูกาล รายได้ก็พออยู่พอกินไปวันๆ ไม่ได้ร่ำรวยอะไร อยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีพตามพระราชดำรัสของในหลวงท่านแค่นี้เขาก็มีความสุข
เขาพบรักกับวิภาลูกสาวกำนันที่เรียนหนังสือรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่วิภาเรียนต่อวิทยาลัยครู และแน่นอนเขาถูกกรีดกันจากพ่อแม่ของเธอ
เธอจบออกมาแล้วสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูที่โรงเรียนในหมู่บ้าน วิถีชีวิตทั้งคู่ก็แตกต่างกัน ระหว่างชาวนากับครู คงเป็นไปไม่ได้
“มันแค่ชาวนา เราเป็นครูก็ต้องหาคู่ที่รับราชการเหมือนกันถึงจะเหมาะสม” กำนันบอกลูกสาว
“ถูกของพ่อเขานะลูก ลองคิดดูให้ดี” แม่สมทบ วิภาได้แต่พยักหน้าครุ่นคิด
เวลาผ่านไปไม่นานเขาได้รับบัตรเชิญ วิภาแต่งงานกับครูหนุ่มที่สอนด้วยกัน เขารู้ว่ามันปวดร้าวกับการเสียคนรัก แต่ต้องทำใจในเมื่อวิถีชีวิตต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เขารู้ชะตากรรมตัวเอง เพราะช่วงหลังๆ ที่วิภาได้เป็นครูเขาไม่ค่อยได้เจอกับเธอ
“ชาวนาก็อยู่ส่วนชาวนาเว้ย” มันเป็นคำพูดที่ทิ่มแทงเข้าไปลึกๆ ในหัวใจ
เมื่อไม่สมหวังกับคนนี้ ก็ต้องหารักใหม่เพราะคนเราต้องมีครอบครัว ชีวิตจึงจะสมบูรณ์ แต่...เขาไม่พร้อมที่จะรักใครอีกแล้ว
เขาตัดสินใจบวชในพรรษานั้น แม่ดีใจที่ได้เห็นชายผ้าเหลืองของลูก ใช่...เขาต้องอาศัยร่มผ้ากาสาวพัสตร์เป็นที่พึ่ง เพื่อจะได้ศึกษาพระธรรมให้ลืมเรื่องราวอันปวดร้าวของทางโลก
ปีนั้นแม่เขาล้มป่วย เขาห่มจีวรมาเยี่ยมโยมแม่ทุกวันหลังฉันอาหารเช้า บางครั้งเขาต้องเอาผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้า แขน ขาให้ แม้พระธรรมวินัยไม่ให้พระภิกษุถูกเนื้อต้องตัวสตรีเพศ แต่นี่คือมารดาผู้ให้กำเนิด การสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวเป็นการตอบแทนพระคุณไม่ได้มีเจตนาในทางพิศวาสยังไงเสียคงไม่ผิดวินัยสงฆ์
แม่ได้ลาลับจากโลกไปแล้ว เขาตัดสินใจอยู่ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไปอีก แต่ต้องเป็นที่อื่นเพื่อจะได้ศึกษาร่ำเรียน เขาปรึกษากับเจ้าอาวาส
เขาล่ำลาญาติโยมและเดินทางจากวัดหนองผักบุ้งไปอยู่ที่วัดในตัวจังหวัด เขาเรียนนักธรรมตรี โท เอก และที่สำคัญได้รับคำแนะนำจากพระร่วมวัดให้เรียนทางโลกควบคู่ไปด้วยเพราะวิถีชีวิตของคนเรามันไม่แน่นอนสักวันอาจลาสิกขาออกไปประกอบอาชีพ หรือเรียนไว้ประดับความรู้ เขาลงเรียนมหาวิทยาลัยสุโขธรรมาธิราช ในสาขารัฐศาสตร์
เขาจบรัฐศาสตร์ในอีกสี่ปีต่อมา และปีนั้นมีการเปิดสอบปลัด อบต. แต่เขาไม่สามารถสมัครได้เพราะเป็นพระภิกษุ เขานั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวัน แต่..กาลเวลาไม่เคยคอยใคร พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับสมัคร เขาต้องตัดสินใจ ถ้าจะลาสิกขาออกไปแล้วสอบไม่ได้ล่ะ จะกลับมาบวชใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้วต้องหางานทำ หากตกงานคงลำบากเพราะงานหาไม่ได้ง่ายๆ ครั้นจะกลับบ้านไปทำนาหรือก็คงลำบากพี่สาวกับพี่เขยอีก เพราะทุกวันนี้อยู่ในสมณะเพศอาศัยบิณฑบาตเลี้ยงชีพ
ในที่สุดเขาต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นคือปลอมตัวเป็นฆราวาสไปสมัครสอบ เขารู้ว่ามันผิดพระธรรมวินัย แต่เขาจำต้องทำเพื่ออนาคต ทุกขั้นตอนเป็นความลับ ลับที่สุด
ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น ผลการสอบออกมาว่าสอบได้ แต่เขาต้องปลอมตัวอีกครั้งเพื่อสอบสัมภาษณ์ และเมื่อผลการสอบออกมาว่าได้เป็นตัวจริงไม่ใช่สำรองแล้วเขาจึงลาสิกขาอย่างเป็นทางการเพื่อไปรายงานตัวเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้ง
การลาสิกขาออกไปเป็นปลัด อบต.ได้ในครั้งนี้ไม่มีใครรู้ แม้แต่พี่สาว
วันที่ 15 กรกฎาคม ปี 2540 เป็นวันที่เขาต้องเดินทางไปรายงานตัว ที่ อบต.หนองผักบุ้งบ้านเกิดที่เขาเลือกลง ปลัดคำศรีหนุ่มวัย 31 ปี ลงจากรถโดยสารในเครื่องแบบสีกากี เขาก้าวเดินเข้าไปในที่ทำการ อบต. ที่เป็นสภาตำบลเดิมที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านข้างโรงเรียน
กำนันพ่อของวิภายืนเพ่งมองอย่างสงสัยขณะเขาก้าวเดินเข้าไป
“นั่นมันไอ้คำศรีหรือเปล่าวะ”
“ครับใช่ครับพ่อกำนัน หวัดดีครับ”
“อ้าวเฮ้ย...สึกตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ เออเว้ย...แล้วนี่ไปเป็นภารโรงที่ไหนวะแต่งเครื่องแบบโก้เชียว”
“อ้า...ไม่ใช่ครับผมเป็นปลัด อบต.มาลงที่ อบต.บ้านเรานี่แหละครับ นี่ครับหนังสือรายงานตัวกับพ่อกำนันครับ” พูดจบเขายื่นหนังสือให้ดู กำนันรับมาอ่านแล้วมองหน้า มองป้ายชื่อ ก่อนคืนหนังสือแล้วเดินออกจากที่ทำการ อบต.ไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ข่าวปลัด อบต. คนใหม่ชื่อคำศรี ลูกยายมาแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่บางคนแวะมาถามไถ่ และที่สำคัญพี่สาวของเขาเดินเข้ามาในที่ทำการ อบต.หันซ้ายหันขวามองหาน้องชายเมื่อเห็นวิ่งเข้ามาสวมกอดร้องไห้อย่างดีใจที่เห็นน้องชายได้สวมเครื่องแบบสีกากีอันสง่า ก่อนคำไต่ถามทุกข์สุขตามมา
“ผมจะกลับมาอยู่บ้านเราครับพี่”
ปลัดคำศรีสร้างบ้านหลังเล็กๆ ยกพื้นสูงมุงหลังคาหญ้าแฝก ในที่ดินข้างๆ บ้านหลังเดิมที่พี่สาวพี่เขยและหลานๆ อาศัยอยู่
หลายวันต่อมาขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับเอกสาร
“คำศรี โอ๊ะท่านปลัดสวัสดีค่ะ” เขาเงยหน้าตะลึงชั่วครู่
“หวัดดีครับวิภา โอ๊ะครูวิภา” ดูเธอแก่ลงไปมาก ไม่ใช่สิเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จากวัยที่สดใส อาจเป็นเพราะว่าเธอมีครอบครัว มีลูกแล้ว แต่เธอยังสวยสำหรับเขา
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคำศรี”
“ขอบคุณนะวิภา” เขายิ้มให้อย่างดีใจ
เมื่อเธอกลับไปเขาได้แต่คิด ถ้าเธอยังไม่แต่งงาน ณ วันนี้คงไม่มีใครรังเกียจเขาที่จะเป็นเจ้าบ่าวของเธอ แต่... กาลเวลาไม่มีวันหวนกลับ อดีตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริง แต่อดีตที่ว่านี้เป็นอดีตที่ลืมยากเสียเหลือเกิน คนเราก็แปลกอยากลืมกลับจำ อยากจำกลับลืม นี่ถ้าเธอเลิกกับแฟน เขาคงไม่รีรอหรือลังเลที่จะตัดสินใจขอแต่งงานกับเธอเพราะความรักที่มีต่อเธอมันยังคงเดิม แต่นี่...ไม่ เขาต้องหยุดคิดเมื่อหัวหน้าส่วนการคลังเข้ามาเสนอแฟ้มฎีกา
เวลาผ่านไปสองปี ปลัดคำศรีตัดสินใจแต่งงานกับหัวหน้าส่วนการคลังสาวผู้มีใบหน้าใสซื่อ อายุอานามยี่สิบต้นๆ ที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ด้วยความใกล้ชิด เห็นอกเห็นใจจากการร่วมงานกันก่อให้เกิดความรัก รักสำรอง อะไหล่รัก ผู้รักษาแผลใจ แล้วแต่ใครต่อใครจะพูด
ปลัดคำศรีตื่นจากภวังค์แห่งอดีตเมื่อเจ้าหน้าที่ธุรการเคาะประตูเข้ามาเสนอแฟ้ม เขาชำเลืองดูปฏิทินปีนี้ พ.ศ. 2555 15 ปีจะครบในไม่กี่วันข้างหน้าแล้วสินะ เขาพึมพำ และแล้วเขาก็ตัดสินใจบอกกับธุรการ
“ผมขอหนังสือขออนุญาตไปราชการหน่อย”
@@@@@@@@@@@@@
ดาวน์โหลดบทความข้างต้น คลิกที่นี่ครับ
ป.ยุทธ
rooplor2009@gmail.com
www.phrayuen.go.th |